หลายคนรู้จัก Assassin’s Creed แต่อีกหลายคนก็ยังไม่รู้จัก Assassin’s Creed เป็นเกมชื่อดังของทาง Ubisoft เรียกได้ว่าทำออกมาหลายภาคมากๆ แต่วันนี้จะไม่ได้มารีวิวเกมหรอก แต่จะมารีวิว Assassin’s Creed ฉบับภาพยนตร์ ที่เชื่อคอเกมส์รู้สึกผิดหวัง แต่เชื่อว่าหลายคนที่ไม่รู้จักเกมนี้ดูแล้วจะสนุกและเข้าใจง่าย
เรื่องย่อ Assassin’s Creed อัสแซสซินส์ครีด
ในภาพยนตร์ที่ดัดแปลงจากเกมเรื่องนี้ พูดถึงนักโทษชายคนหนึ่งที่ถูกสั่งประหารชีวิตแต่เขากับตื่นขึ้นมาในสถานที่แห่งหนึ่งซึ่งทำให้ตัวตนของเขาถูกลบทิ้งไปจากโลก และภารกิจที่เขาได้รับมอบหมายในสถานที่แห่งนี้คือภารกิจย้อนอดีตตามหาแอปเปิ้ลแห่งอีเดน ที่ว่ากับว่าผู้ครอบครองสามารถควบคุมจิตใจผู้อื่นได้
Assassin’s Creed อัสแซสซินส์ครีด
เนื้อเรื่องของภาพยนตร์เรื่องนี้ก็ไม่มีอะไรมากจะพูดถึงเรื่องราวของกลุ่ม 2 กลุ่ม นั่นก็คือ กลุ่ม “อัสแซสซินส์” และ “เทมพลาร์” ที่ทั้งสองกลุ่มต่างมีอุดมการณ์ที่ต่างกัน เหล่า อัสแซสซินส์ นั้นต้องการปกป้องแอปเปิ้ลแห่งอีเดน ส่วน เทมพลาร์ แน่นอนว่าต้องการใช้พลังของแอปเปิ้ลแห่งอีเดลเพื่อควบคุมอำนาจ
โดยเรื่องราวของภาพยนตร์จะเล่าถึง “คาล ลินช์” ที่ในวัยเด็กแม่ของเขาถูกพ่อแท้ๆฆาตกรรม และตัวเขาได้กลายมาเป็นฆาตกรรมเสียอีกในตอนโต แต่ทว่าเรื่องราวของเขามันไม่ได้ง่ายเลยเมื่อหลังจากเขาถูกตัดสินให้ประหารชีวิตแต่เขาดันไม่ถูกประหารชีวิตจริงเนื่องจากมีบริษัทลับๆต้องการตัวเขาไปใช้ประโยชน์ในการตามหาแอปเปิ้ลแห่งอีเดน ถ้าหากถามว่าทำไมต้องเป็นเขานั่นก็เพราะสายเลือดของเขาเป็นสายเลือดของ อัสแซสซินส์ นั่นเอง
โดยเขาถูกส่งตัวเข้าไปในความทรงจำในอดีตผ่านเครื่อง “แอนิมัส” ซึ่งมันจะทำให้เขามองเห็นอดีต แต่ไม่ใช่เขาคนเดียวหรอกที่ถูกนำตัวมาใช้ยังมีอีกหลายคนที่เคยใช้เครื่องนี้เหมือนกับเขาซึ่งแน่นอนว่าคนอื่นๆไม่ได้เป็นคนที่รู้ว่าแอปเปิ้ลอยู่ที่ไหน เพียงแต่เป็นทางผ่านเพื่อให้หาแอปเปิ้ลจนเจอเท่านั้น ซึ่งจุดสำคัญอีกอย่างที่ลืมเล่าไปนั่นก็ถือ “คาล ลินช์” ดันใช้เครื่องนี้ได้ดีและซึมซับความสามารถของบรรพบุรุษมาทีหน่อยจนเขานั่นเปลี่ยนไป
ฉากต่อสู้ที่สวยงาม
ถือว่าเป็นภาพยนตร์ที่ทำฉากต่อสู้ออกมาได้สวยงามมากๆ ที่มันต้องออกมาสวยงามก็เพราะว่าเกมนี้ ในเกมก็ถือว่าเป็นเกมที่มีฉากการต่อสู้ที่สวยงามอยู่แล้วดังนั้นในภาพยนตร์ก็ไม่ควรจะน้อยหน้าเช่นกัน
สรุป
เป็นภาพยนตร์ที่สร้างจากเกมและทำออกมาได้ดีสำหรับคนที่ไม่เคยเล่นเกมถึงแม้ว่าจะไม่มีรายละเอียดอะไรมากแต่ก็ดีได้ แต่สำหรับคนเล่นเกมมาก่อนอาจจะไม่ชอบ ฉากต่อสู้สวยงามดีให้อารมณ์เหมือนเกมมากๆ
ดูทั้งวัน ขอมอบคะแนนให้ 7 เต็ม 10
สำหรับช่องทางการรับชม Assassin’s Creed อัสแซสซินส์ครีด (2016)
ถ้าคุณรู้สึกชอบภาพยนตร์จากเกม ผมมีซีรี่ส์ที่อยากจะแนะนำนั่นก็คือ The Witcher เดอะ วิทเชอร์ นักล่าจอมอสูร