และแล้วก็มีโอกาสได้ไปดู ภาพยนตร์จากจักรวาล DC ซึ่งคราวก่อนเราเคยรีวิว Aquaman กันไปแล้วหากจำได้ ครั้งนี้ก็เป็นคราวของ Shazam ซุปเปอร์ฮีโร่สุดเกรียนจากทางฝั่ง DC
เรื่องย่อ “บิลลี่ แบทสัน” รับบทโดย Asher Angel เด็กผู้ชายที่ผลัดหลงกับแม่ของเขาในวัยเด็กทำให้เขาต้องอาศัยอยู่ในบ้านเด็กกำพร้า และเขามักจะหลบหนีออกจากบ้านเด็กกำพร้าอยู่บ่อยครั้งเพื่อตามหาแม่ของเขา แต่แล้วเรื่องมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้นกับเขาเมื่อเขาได้พลังพิเศษจากพ่อมดคนหนึ่ง ซึ่งหากเขาพูดคำว่า Shazam! เขาจะเปลี่ยนร่างได้และสามารถใช้พลังของเหล่าเทพทั้ง 6 ได้
คำเตือน!! บทความต่อไปนี้อาจมีสปอย แต่ไม่ทำให้หนังสนุกน้อยลงแน่นอน
Shazam เป็นภาพยนตร์แรกของ DC ที่สามารถลบคำว่าดาร์กออกไปได้เกือบหมด ซึ่งในภาพยนตร์เรื่องนี้เราจะได้เห็น ทั้งความเกรียน ความฮา ของฮีโร่สุดกวน Shazam คนนี้ และอยากที่บอกมันลบคำว่าดาร์กไปได้เกือบหมด แต่มันไม่หมด เนื่องจากถึงแม้หนังจะไม่ค่อยดาร์กในสายตาคนอื่น แต่ผมมองว่ามันให้ความรู้สึกดาร์กอยู่ในฉากที่ บิลลี่ แบทสัน ได้พบเจอกับแม่ของเขา ผมรู้สึกได้เลยว่ามันเป็นอะไรที่โครตดาร์กสำหรับเด็กอายุเพียงเท่านี้ แต่ด้วยธีมหนังที่ทำออกมาได้ฮาและเกรียน มันจึงทำให้จุดนี้กลายเป็นไม่ค่อยดาร์กสำหรับคนดู แต่เชื่อเถอะ ดูเรื่องนี้มันก็ต้องมีน้ำตาซึมกันหน่อยๆละ
ฮีโร่ที่ต้องก้าวพ้นวัย ถึงแม้มันจะเป็นหนังซุปเปอร์ฮีโร่ แต่เรื่องนี้ได้แทรกความเป็นหนัง Coming of Age เอาไว้ได้อย่างลงตัว ถึงแม้ว่าการเปลี่ยนร่างของ บิลลี่ แบทสัน ที่กลายเป็นผู้ใหญ่ จะทำให้คนดูรู้สึกว่าเขาโตขึ้น แต่อย่าลืมว่าถึงแม้ว่าร่างกายของเขาจะโต แต่จริงๆแล้วตัวเขาเป็นเด็กอายุเพียง 15 16 ปีเท่านั้นเอง ดังนั้นไม่แปลกเลยที่เราจะเห็นว่าซุปเปอร์ฮีโร่ตัวนี้มันทำตัวเกรียนๆ แล้วอีกอย่างหนึ่งก็คือซุปเปอร์ฮีโร่ตัวนี้กว่าจะเข้าใจพลังของตัวเองก็ใช้เวลามากอยู่เหมือนกัน ดังนั้นเราจะเห็นว่าเรื่องราวของหนังเรื่องนี้นอกจะสู้กับตัวร้ายแล้ว หนังยังเล่าถึงเรื่องของครอบครัวอีกด้วย เพื่อที่จะให้ บิลลี่ แบทสัน ได้ค้นพบความรู้สึกที่แท้จริงของตัวเองและก้าวข้ามผ่านมันไปให้ได้
ตัวร้ายที่มีเหตุผล หากพูดถึงตัวร้ายของเรื่องนี้ผมรู้สึกถูกใจเป็นอย่างมากกับการเล่าที่ไปที่มาของตัวร้ายให้คนดูเข้าใจ ว่าเพราะอะไรทำไมตัวร้ายถึงทำแบบนั้น การที่เราได้เห็นว่าตัวร้ายมีที่มาที่ไปอย่างไรมันทำให้เรารู้สึกว่า เราได้เข้าใจตัวร้ายตัวนั้นจริงๆ ซึ่งบางครั้งตัวร้ายนั้นก็ไม่ได้อยากเป็นมาตั้งแต่กำเนิด แต่เพราะมีเหตุการณ์ร้ายๆเกิดขึ้นกับเขา เขาจึงได้กลายมาเป็นตัวร้าย
ฉากต่อสู้ แน่นอนว่าหนังซุปเปอร์ฮีโร่ก็ต้องมีฉากต่อสู้เป็นธรรมดา หากคุณรู้สึกว่ามันต้องต่อสู้กันทำลายล้างแบบฮีโร่เรื่องอื่นๆ ผมจะบอกไว้เลยว่าเรื่องนี้มันไม่ได้ทำลายล้างอะไรกันขนาดนั้น อาจจะเป็นเพราะว่าหนังเรื่องนี้ธีมหลักจริงๆแล้ว มันคือหนัง Coming of Age ในธีมฮีโร่ก็เป็นได้
ฉากฮา แน่นอนว่าฉากฮาของหนังเรื่องนี้มีเยอะแยะเต็มไปหมด แต่ฉากที่ผมประทำใจที่สุดก็คงจะเป็นฉากไม้เท้า แต่ผมไม่อยากบอกหรอกนะว่าทำไมมันถึงฮา อยากให้ไปลองดูกันเองจะดีกว่า
สรุป หนังซุปเปอร์ฮีโร่ที่มีการเล่าเรื่องเป็นแบบครอบครัว แบบ Coming of Age ซึ่งมันสามารถลบภาพความดาร์กของจักรวาล DC ได้เป็นอย่างดี ความฮา ความเกรียน ที่หนังใส่เข้ามานั้นเยอะแยะเต็มไปหมด
#ดูทั้งวัน ขอมอบคะแนนให้ 9 คะแนน เต็ม 10 คะแนน