The Darkest Minds (2018)
เรื่องย่อ ว่าด้วยเรื่องของโลกที่ประสบกับโรคร้ายแรงที่ทำให้เด็กๆล้มตายไป 98% ของจำนวนเด็กทั้งหมด แต่ทว่าก็ยังมีเด็กเหลือรอดอีก 2% เพียงแต่การที่พวกเขารอดมานั้นมันมีผลข้างเคียงบางอย่างทำให้พวกเขา มีพลังพิเศษ และพวกเขาได้ถูกรัฐบาลจับตัวไปเพื่อรักษาพลังเหล่านี้ หนังเล่าเรื่องผ่านตัวเอกอย่าง Ruby เธอมีพลังอยู่ในระดับสีส้มซึ่งเป็นกลุ่มที่หายากมาก เธอสามารถควบคุมจิตใจ และ อ่านใจ ศัตรูได้ แต่เพื่อความอยู่รอดเธอจึงแฝงตัวไปอยู่กับกลุ่มสีเขียวในค่ายของรัฐบาล ผ่านมา 6 ปีความลับของเธอถูกเปิดเผยทำให้เธอต้องหนีออกมาจากค่าย
คำเตือน!! รีวิวต่อไปนี้มีสปอยอยู่บ้าง แต่ไม่กระทบตัวหนังมากครับ
ผมว่าหนังเรื่องนี้ว่าง Concept ออกมาได้น่าดูเป็นอย่างมากทำให้ผมแอบนึกถึงเหล่า X-Men ด้วยซ้ำ แต่เมื่อได้ดูแล้วกลับรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มันดำเนินเรื่องเร็วเกินไปในช่วงแรก และฉากต่อสู้ที่มันยังไม่สุดแถมตัวร้ายก็ดูไม่ค่อยเก่งอย่างที่คิด ด้วยความที่หนังดำเนินเรื่องไวมากในตอนแรกๆ ทำให้ไม่ค่อยรู้สึกผูกพันธ์กับตัวละครมากนัก และในฉากจบเองที่พยายามปูทางไปภาค 2 มากเกินไป ทำให้หนังขาดความสนุกๆในหลายๆมุม
แต่สิ่งที่รู้สึกว่าหนังทำออกมาได้แย่ก็คือการแบ่งกลุ่มพลังซึ่งการแบ่งนั้นดูไม่ค่อยจะชัดเจน อย่างพลังของสีฟ้าเป็นพลังที่เก่งอันดับ 2 แต่กลับสามารถควบคุมสิ่งของต่างๆได้แทบทุกอย่าง ในขณะที่สีทองที่เก่งกว่ากลับควบคุมได้แค่ไฟฟ้า และสีแดงที่เก่งรองมาจากมีส้มทำได้แค่ควบคุมไฟ ซึ่งความคิดผม ผมมองว่าสีฟ้าเนี้ยควรเก่งรองมาจากสีส้ม
โดยหนังเรื่องนี้จะแบ่งสีของเด็กๆเป็น 5 สีได้แก่
- สีเขียว ผู้มีความฉลาดกว่าคนธรรมดาทั่วไป อ่อนสุด
- สีฟ้า ผู้ที่สามารถควบคุมสิ่งของได้
- สีทอง ผู้ที่สามารถควบคุมไฟฟ้า
- สีแดง ผู้ที่สามารถควบคุมไฟ
- สีส้ม ผู้ที่มีพลังจิตสามารถควบคุมคนได้ เก่งสุด
สรุปแล้ว หนังเรื่องนี้ก็สามารถดูได้เรื่อยๆ อย่าไปคิดอะไรมาก แต่จะได้ดูภาค 2 หรือไม่นั้นก็ต้องรอลุ้นกันต่อไป
#ดูทั้งวัน ขอบมอบคะแนนให้ 6 เต็ม 10 ครับ